Monday, March 11, 2013

มาร์ค ติง รัฐไม่จำเป็นต้องกู้2.2ล้านล้าน

มาร์ค ติง รัฐไม่จำเป็นต้องกู้2.2ล้านล้าน
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำ รัฐบริหารจัดการเงินได้หลังผุดโครงการขนส่งต่างๆ ไม่ต้องกู้ 2.2 ล้านล้านบาท โวเป็นการสานต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว...เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคฯ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการ ไทยแลนด์ 2020 ก้าวใหม่เชื่อมไทยสู่โลก โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ให้การต้อนรับ พร้อมกับพาเดินเยี่ยมชมบูธต่างๆ ซึ่งภายในนั้นเน้นการนำเสนอด้านการลงทุนระบบการค้าระบบขนส่งมวลชนของรัฐบาล มีประชาชนให้ความสนใจเยี่ยมชมบ้างเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษาหาความรู้ทั้งนี้ ภายหลังเข้าเยื่ยมชมงาน นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า หลักของการลงทุนเรื่องการขนส่งนั้น เป็นการสานต่อแผนงานเดิมค่อนข้างเยอะ เดิมเป็นแผนเรื่องการลงทุนสร้างรถไฟรางคู่ ซึ่งเป็นระยะที่สอง และจะมีการปรับปรุงเรื่องการขนคนและเรื่องเส้นทางใหม่ๆ นั้น ก็อยู่ในแผนเดิมทั้งหมด รถไฟความเร็วสูงนั้นที่เพิ่มขึ้น ความต่างที่ควรจะไปหนองคายและเชื่อมไปมาเลเซีย ตอนนี้อยู่ที่เพียงโคราชและหัวหิน เราก็มองว่ากลัวจะเสียโอกาสในการเชื่อมต่อกับที่จีนเขาทำมาที่ประเทศลาว นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่เราเป็นห่วงคือ กรอบความคิดในเรื่องการหาเงินมาทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เรายังไม่เห็นด้วยที่จะมีความจำเป็นในการกู้เงินมาทำ 2.2 ล้านล้านบาท เราเชื่อว่าจากแผนที่มีการกำหนดอยู่ตอนนี้ก็คือ ใช้เงินปีละประมาน 3 แสนล้าน ก็สามารถที่จะบริหารจัดการงบประมาณได้ โดยการตัดทอนโครงการที่ไม่จำเป็นและลดเรื่องทุจริตคอรัปชัน ถ้ามุ่งไปสู่ระบบการกู้เงิน เป็นความเห็นต่างในเรื่องวิธีการใช้เงิน วันนี้ท่าน รมว.คมนาคม มาก็ได้มีการรับฟัง แต่จะทำอะไรหรือไม่ก็แล้วแต่ ไม่ได้คุยกันเรื่องเชิงระบบ การกู้เงินทำให้เราไม่รู้สถานะทางการเงินที่แท้จริง ตนเชื่อว่าคนที่มีความเชี่ยวชาญเขาก็จะดูออกนอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า โครงการเหล่านี้ ส่วนใหญ่นั้นมีประโยชน์ อยู่ที่ว่าการจัดลำดับโครงการสำคัญที่วิธีการที่จะนำมาใช้ เช่น โครงการรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้ววางโครงการไว้หมดแล้ว อยู่ที่ว่าจะกู้หรือไม่กู้เท่านั้นที่จะมาทำ ตนยืนยันว่าการไม่กู้นั้นจะเป็นการบังคับรัฐบาลให้มีการทบทวนโครงการที่ไม่จำเป็น ตนคิดว่าไม่จำเป็นต้องกู้.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive