Wednesday, December 5, 2012

มาร์คย้ำรัฐ อย่าทำเพื่อคนเดียว หวั่นสงครามมวลชน

มาร์คย้ำรัฐ อย่าทำเพื่อคนเดียว หวั่นสงครามมวลชน
อภิสิทธิ์ เตือนรัฐอย่าทำเพื่อสนองคนๆ เดียว ห่วงปมขัดแย้ง-สงครามมวลชน หากแก้ รธน.จี้ รัฐ-บุญทรง รับผิดชอบผลเสียหายที่เกิดขึ้น...เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมผลักดันการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 รวมถึงกฎหมายนิรโทษกรรมว่า รัฐบาลทราบดีอยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นปมความขัดแย้ง จึงไม่เห็นเหตุผลหรือความจำเป็นที่จะต้องทำ นอกจากความพยายามช่วยเหลือคนบางกลุ่ม และยืนยันว่า นายกฯ จะบอกว่าเป็นเรื่องของรัฐสภาไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลด้วย เพราะแม้ว่ารัฐสภาจะเป็นผู้ลงมติ แต่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารก็ต้องคำนึงถึงการบริหารราชการแผ่นดินและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อบ้านเมืองที่ต้องมีความรับผิดชอบด้วย โดยหาแนวทางให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ ทั้งนี้ ตนยังเชื่อว่าถ้าการเดินหน้าไปสู่ความปรองดอง ไปสู่ความสุจริต ไม่มีวัตถุประสงค์แอบแฝงช่วยเหลือคนทุจริตคอรัปชัน ซึ่งสาเหตุที่เป็นตัวเร่งทำให้รัฐบาลต้องผลักดันทั้ง 2 เรื่องนี้ให้ได้ในสิ้นปีนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณพูดมาโดยตลอดว่า จะกลับมาภายในสิ้นปีนี้ ฉะนั้นทุกอย่างจึงกลับไปสู่จุดเดิมคือ แทนที่รัฐบาลจะเอาใจใส่กับปัญหาบ้านเมือง กลับไปตอบสนองความต้องการของคนคนเดียวเมื่อถามว่า คิดว่ารัฐบาลบริหารเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองหรือเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าทำแบบนี้จะรักษาอำนาจของตัวเองได้ด้วยซ้ำ เพราะกลายเป็นความพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้หลุดพ้นจากทุกคดี และยังเป็นห่วงการปลุกระดมมวลชนขึ้นมาจนอาจทำให้ประเทศชาติหลีกเลี่ยงสงครามมวลชนไม่พ้น จึงต้องถามรัฐบาลว่า ประเทศไทยเพิ่งผ่านบรรยากาศที่คนไทยมีความสุข สามัคคี เหตุใดจึงเริ่มประเด็นความขัดแย้งรอบใหม่ ทั้งที่ควรแก้ปัญหาให้ชาติมากกว่า ทั้งที่มีหลายเรื่องที่เกิดจากนโยบายของรัฐบาลเช่น นโยบายจำนำข้าวจะเดินหน้าต่ออย่างไร เมื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส) ไม่มีเงินที่จะทำโครงการต่อ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ขายข้าวไม่ได้ ปัญหาภาคใต้ก็ยังรุนแรงอยู่ และประเทศไทยก็ยังตกอันดับเรื่องความโปร่งใสการทุจริตคอรัปชัน และติดอยู่ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการก่อการร้ายนายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อถึงกรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า หากไม่มีเงินก็อาจไม่ทำโครงการจำนำข้าวต่อว่า เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่มีเงินก็ทำโครงการไม่ได้อยู่แล้ว และถ้าจะให้มีเงินก็ต้องขายข้าวให้ได้ ซึ่งหากรัฐบาลยอมรับความจริงก็ดีกว่าที่พยายามจะก่อหนี้ให้ประเทศไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องรับผิดชอบต่อเงินกว่าแสนล้านบาทในโครงการนี้ที่เงินไม่ถึงมือชาวนา และยังมีความเสียหายที่เกิดขึ้น คือการเสียแชมป์ส่งออกข้าว ภาพลักษณ์คุณภาพข้าวไทย สิ่งเหล่านี้ต้องมาแก้ปัญหาใหม่ นอกจากนี้ การก่อหนี้เพิ่มยังกระทบเครดิตของประเทศในการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องย้อนกลับมาดูว่า ที่รัฐบาลเคยอ้างว่านโยบายจำนำข้าวไม่เป็นภาระนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะได้รับผลกระทบแล้วในสถานะการเงินภาพรวมที่กระทรวงคลังเองก็ยอมรับว่า หากทำโครงการนี้ต่อจะขาดทุน 2.24 แสนล้านต่อปี จึงต้องถามว่าจะทำไปเพื่ออะไร เพราะเงินถึงมือชาวนาแค่แสนล้านเท่านั้น และที่รัฐบาลหาเสียงว่าจะล้างหนี้ สร้างรายได้ให้ประเทศ สร้างสุขสลายทุกข์ในช่วงหาเสียงเท่ากับไม่มีอะไรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่รัฐบาลเคยประกาศไว้เลย.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive